คามู คามู – สรุปประโยชน์และเรื่องน่ารู้ต่างๆ เกี่ยวกับผลคามู คามู

คามู คามู เป็นไม้กระพุ่มที่มีขนาดย่อมราวๆ 2-4 เมตร มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Myrciaria dubia มีต้นกำเนิดในพื้นที่ฝั่งของแนวป่าฝนย่านแม่น้ำอะเมซอน ที่กินอาณาเขตหลายเมือง ตั้งแต่ ประเทศบราซิล ประเทศเวเนซุเอลา ประเทศโคลัมเบีย และประเทศเปรู มีนามในภาษาท้องถิ่นว่า Camu Camu, Camo Camo และ Cacari มีผลม่วงอมแดงคล้ายกับผลเชอรี่ ขนาดเท่าผลมะนาวใหญ่ๆ ใบและผลสามารถทำยาแก้โรคสมุนไพรได้สารพัด มีสรรพคุณต้านการติดโรคไวรัส รักษารอยแผล งูสวัด เป็นเภสัชแก้ไข้ ปวดศรีษะ แก้โรคหอบหืด แก้อาการซึมเศร้า รักษาสมดุลทางอารมณ์ รักษาต้อ ต้อแก้วตา เพิ่มภูมิคุ้มกัน รวมทั้งการต่อต้านอนุมูลอิสระ ตลอดจนข้อเข่าเสื่อม

นั่นคือการที่คนในสมัยโบราณ ‘ทาน’ ในฐานะไม้ผลชนิดหนึ่ง คามู คามู เป็นลูกไม้ที่พบได้ไม่ยากในทวีปอเมริกาใต้ คนท้องถิ่นจึงนิยมนำมาทำอาหารการกินมากหลายชนิด ทั้งน้ำผลไม้ ไอติม แต่ คามู คามู ไม่ได้เป็นผลไม้ที่ส่งออกจำหน่ายทั้งโลก ที่เราพบเจอกันทั่วๆ ไปจะอยู่ในรูปสารเคมีที่สกัดจากผลสด เช่น ผงคามู คามู และ คามู คามู ชนิดเม็ดและชนิดแคปซูล ส่วนในประเทศไทยก็เป็นส่วนผสมของเครื่องดื่มหลายๆ ชนิด ที่ให้เหตุผลว่า เพื่อสุขภาพอนามัย ไปจนถึง ให้ความขาวผุดผ่อง

ในตลาดโลกยุคปัจจุบัน คามู คามู คือ ผลาผลที่มีวิตามินซีสูง ราวร้อยละ 2-3 ของน้ำหนักผลสด ซึ่งมากกว่าจำนวนของวิตามินซีในส้มเขียวหวาน 30 เท่า มีธาตุเหล็กยิ่งกว่า 10 เท่า ไนอาซีน 3 เท่า ไรโบฟลาวิน (วิตามินบี 2) 2 เท่า และมีฟอสฟอรัสมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นยังมีเบตา-แคโรทีน โปรตีน กรดไขมันที่เป็นผลดี และองค์ประกอบทางเคมีต่างๆ ที่เป็นคุณค่าต่อร่างกายมาเป็นจุดขาย

รูปแบบของผลคามู คามู

ลักษณะของผลคามู คามู

คุณประโยชน์ของ คามู คามู

ประโยชน์ของ คามู คามู มีมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณค่าทางโภชนาการดังนี้

วิตามินซี

คามู คามู มีวิตามินซีมากกว่าส้มและผลไม้ชนิดอื่นหลายเท่าตัว เช่น ผงคามู คามู ครึ่งช้อนชาจะมีวิตามินซีมากถึง 4 เท่าต่อความต้องการในแต่ละวัน

โพแทสเซียม

ร่างกายของเราต้องการโพแทสเซียมเพื่อให้ไตและหัวใจทำงานได้ตามปกติ คามู คามู จะมีโพแทสเซียมอยู่ประมาณ 71.1 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนัก 100 กรัม

วาลีน

วาลีน (Valine) เป็นกรดอะมิโนขาดไม่ได้ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง วาลีนทำหน้าที่ป้องกันการเสื่อมของกล้ามเนื้อและระบบเส้นประสาท

ลิวซีน

ลิวซีน (Leucine) เป็นกรดอะมิโนขาดไม่ได้อีกชนิดที่ร่างกายไม่สามารถผลิตด้วยตนเองได้ ต้องรับจากอาหารการกิน ลิวซีนจำเป็นต่อการเติบโตและการซ่อมแซมกล้ามเนื้อ กระดูก และมีส่วนช่วยส่งเสริมการเจริญเจริญเติบโตของเซลล์ต่างๆ

ซีรีน

ซีรีน (Serine) เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายผลิตเองได้ แต่ก็พบได้ในนม เนื้อสัตว์ ถั่วต่างๆ มีส่วนสำคัญในการเติบโตของเซลล์ ช่วยในขั้นตอนเผาผลาญไขมัน ช่วยแบ่งโปรตีนและโพลีเป็บไทด์ให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้

ฟลาโวนอยด์

ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) มีสรรพคุณต่อต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) บางชนิดสามารถต้านอนุมูลอิสระได้เหนือกว่าวิตามินซี พบในผักผลไม้ ซึ่งในพืชแต่ละลักษณะจะมีจำนวนและชนิดของฟลาโวนอยด์ต่างกันไป ซึ่ง คามู คามู มีฟลาโวนอยด์อยู่หลากหลายชนิด เมื่อบริโภคจะเท่ากับได้บริโภคผักผลไม้หลายๆ ชนิดด้วยกัน

กรดแกลลิก

กรดแกลลิก (Gallic Acid)ที่พบใน คามู คามู มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ต่อต้านไวรัสและเชื้อโรคหลายประเภท

กรดเอลลาจิก

กรดเอลลาจิก (Ellagic Acid)เป็นกรดอีกชนิดหนึ่งที่ค้นพบใน คามู คามู มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระเคยมีการเรียนรู้ว่ามีคุณสมบัติในการต้านทานเนื้อร้าย รวมทั้งมีผลในการเยียวยารักษาเบาหวาน

คุณลักษณะทางการแพทย์ของผล คามู คามู

นอกจากผลการหาความรู้ในปี 2010 จาก Journal of Agricultural and Food Chemistry ที่เจอว่า คามู คามู มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลดีต่อการรักษาโรคเบาหวาน เมื่อก่อนนั้น ในปี 2008 ในวารสาร Journal of Cardiology ได้มีเสนอเรื่องผลการลองทำในการลดการอักเสบและติดเชื้อของปอด โดยนักดูดยาสูบเพศชาย 36 คน ถูกแยกเป็น 2 ประเภท กลุ่มแรกให้ดื่มน้ำคั้นสดจาก ผลคามู คามู เทียบกับอีกกลุ่มหนึ่งที่ทานวิตามินซีชนิดเม็ดตลอดเวลาเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เมื่อจบการพิสูจน์ ผลปรากฎว่ากลุ่มที่ใช้ คามู คามู พบว่าสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระได้ และมีจำนวนรวมของเซลล์ที่ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระในภาวะที่สารต้านอนุมูลอิสระไม่พอ หรือมีอัตราที่ลดน้อยลง โดยกลุ่มที่ได้รับวิตามินซีชนิดเม็ดไม่เกิดผลลัพธ์อะไรเลย

เนื้อผลคามู คามู

เนื้อผลสดข้างในผลคามู คามู ที่อุดมไปด้วย วิตามินซี

ข้อควรระลึกเกี่ยวกับการใช้คามู คามู

โดยปกติแล้วเมื่อสิ่งใดที่มีผลดีมากๆ ย่อมมีอีกด้านมี่ต้องเฝ้าระแวดระวังกันอยู่สม่ำเสมอ จึงมีข้อทักท้วงว่าการศึกษาทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังเล็กน้อยเกินไปที่จะสรุปความว่า คามู คามู เป็นพฤกษาน่าพิศวงที่มีประโยชน์มากเหมือนคำกล่าวอ้างจากหลายๆ ที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบในด้านลบต่อร่างกาย

ปัญหากับระบบย่อยอาหารการกิน

คุณหมอและนักวิทยาศาสตร์ลงความเห็นว่า เรายังมีข่าวสารไม่พอเพียงในเรื่องของการที่ร่างกายจะนำจุดเด่นของลูกไม้ประเภทนี้ไปใช้อรรถประโยชน์ทั้งหมด เพราะคุณสมบัติบางอย่างของผล คามู คามูอาจจะส่งผลพวงต่อระบบการดูดซับได้ เหตุเพราะจำนวนวิตามินซีที่มากก็ทำให้จำนวนของกรดธรรมชาติที่มีมากมายตามไปด้วย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบย่อยอาหารการกิน เป็นพิเศษการทำงานของกระเพาะอาหารได้

ทำให้เกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง

วิตามินซีช่วยในการสร้างเสริมภูมิต้านทานที่ดีในผู้สูงวัย ถ้าหากว่ากินไม่เลยวันละ 2,000 มิลลิกรัม หากรับวิตามินซีเข้าไปในจำนวนมากๆ ร่างกายก็จะทำการขจัดส่วนเกินออกทางปัสสาวะและถ่ายอุจจาระที่จะมีความถี่มากขึ้น จนถึงขั้นท้องเดินอย่างร้ายแรง

ตาค้างและมีความหิวอาหารการกินมากขึ้น

การศึกษาเจอว่า ผลคามู คามู มีส่วนในการเพิ่มจำนวนของ เซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารสื่อเส้นประสาทที่ดูแลอารมณ์และความหิว นั่นเป็นเหตุว่าทำไม คามู คามู จึงถูกใช้เป็นสมุนไพรเยียวยารักษาอาการเซื่องซึม เมื่อคนที่มีอาการซึมเศร้ามีความรู้สึกที่ดีขึ้น ก็จะมีความกะปรี้กะเปร่า แข็งแรง ตาค้าง และมีความอยากอาหารเพิ่มขึ้น ซึ่งหากว่าอยู่ในสภาพแบบนี้นานๆ จะส่งผลกระทบต่อส่วนอื่นๆ ของร่างกายอีกมาก

สภาวะการเป็นพิษจากธาตุเหล็ก

วิตามินซีช่วยเหลือให้ร่างกายดูดซึมเหล็ก เมื่อกินผลไม้ที่มีวิตามินซีปริมาณมากจะส่งผลลัพธ์ต่อการซึมธาตุเหล็กของร่างกายให้มากตามไปด้วย ทำให้เกิดภาวะธาตุเหล็กเกิน (Overdose Iron) ยิ่งกว่าที่ร่างกายต้องการ ส่งผลให้เกิดอาการอาเจียนอย่างร้ายแรง และอาจทำให้ไตและตับพังได้

หัวใจเต้นอย่างรวดเร็ว

ผู้ที่อยู่ในภาวะซึมเศร้า วิตก และเคร่งเครียด มีโอกาสทำให้จำนวนตัวเลขความดันเลือดสูง คามู คามู ที่ใช้ในการรักษาสภาพดังกล่าวจึงอาจจะส่งผลให้ความดันเลือดสูงขึ้นกว่าเดิม และแม้จะเป็นผลกระทบที่มีโอกาสเกิดขึ้นไม่มากนัก แต่ก็มีคำชี้แนะทางการแพทย์ว่า การใช้ ผลคามู คามู เป็นสมุนไพรรักษาภาวะทางอารมณ์ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์

ผลคามู คามู ยังเป็นแค่สมุนไพร

ข้อสำคัญชนิดหนึ่งนอกจากผลข้างเคียงจากวิตามินซีที่มีมากแล้ว สรรพคุณของ คามู คามู ยังอยู่ในระหว่างการทดสอบและพัฒนา การทานเป็นบางวิถีทางในฐานะ ‘ผลไม้’ คงไม่ใช่ปมปัญหา แต่หน่วยงานใหญ่อย่าง องค์การของกินและยาสหรัฐอเมริกา (UFDA : U.S. Food and Drugs Administration) ก็ยังไม่ได้มีการรับรองสรรพคุณทางการแพทย์ และยังไม่มีเอกสารรับรองจากประเภทแพทย์ใดๆ อย่างเป็นทางการ ดังนั้น ผลคามู คามู จึงยังเป็นสมุนไพรที่ผ่านการทดสอบหาคุณค่าต่อร่างกายในรูปแบบของอาหารเสริมเพียงเท่านั้น